กาลครั้งหนึ่ง...ที่ดอยอินทนนท์

กลับมาจากทำค่ายให้เด็กรอบนี้ รู้สึกดีจังที่เห็นเด็กกล้ากันมากขึ้นมาก กล้าคิด กล้าแสดงความเห็นของตัวเอง มีพัฒนาการมากขึ้นจนเห็นได้ภายในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แค่ 4 วัน แอบปลื้มใจกับความสำเร็จในกิจกรรมของทีมเรา ที่นอกจากน้องๆจะชอบแล้ว ยังสามารถสร้างภาวะผู้นำไปจนทักษะอื่นๆ เช่น ความเสียสละ การคิดถึงคนอื่นให้เกิดขึ้นได้ ..ตัวเราเองได้เรียนรู้อะไรเยอะเลย

เด็กๆค่ายนี้มีทั้งเด็กเมืองและเด็กชาวดอยชนเผ่า แรกๆน้องๆก็มีเขิน ไม่กล้าคุยกัน โดยเฉพาะน้องชาวดอย แต่พอได้ผ่านกิจกรรมด้วยกันไป ได้ลำบากด้วยกันไปสักระยะ ช่วงหลังมีบางเกมที่น้องเล่นด้วยกัน และมีภาวะกดดันเพื่อให้เกิดการทำงานเป็นทีม เราประทับใจมากๆ เลย ขำก็ขำตลกดี ขำแต่น้ำตาคลอเลย... คือ มันเป็นเกมที่ต้องพากันข้ามแม่น้ำสมมติไปให้หมดทั้งทีม แข่งกัน แล้วน้องคนตัวโตคว้าตัวเล็กขึ้นหลังแบกไปด้วยเลย น่ารักมากๆ

ค่ายนี้จัดร่วมกับกระทรวงฯ จึงมีการติดต่อเอาพี่เลี้ยงเป็นน้องๆจากคณะครุ ราชภัฎเชียงรายและอุบลมาช่วย รู้สึกว่าน้องเค้ามีความใส่ใจเด็กๆดีจัง มีการสังเกตและแก้ปัญหาของเด็กๆ ประทับใจมากเลย อาจจะด้วยเราไม่ค่อยได้ทำงานกับคนที่จบด้านสังคมศาสตร์เท่าไหร่ เคยคิดว่าคงคิดอะไรต่างไปจากเราอย่างสุดขั้วแน่ๆ พอเจอจริง ก็ต่างจริงน่ะแหละ แต่น้องเค้าจะมองอีกด้านในรายละเอียดที่ควรใส่ใจ ที่เราขาดไป อาจด้วยความตั้งใจจริงของน้องพี่เลี้ยงเค้านั่นแหละ เราเลยรู้สึกว่ามันมาช่วยเติมกันได้พอดี... มีน้องพี่เลี้ยงอยู่คนเป็นชาวปกากะญอด้วย แต่เก่งมากๆ น้องเค้าก็พูดแบบฮาๆว่า หนูนี่เป็นความหวังของหมู่บ้านเลย

อีกเรื่องที่อยากเล่าคือว่าค่ายนี้มีให้เตรียมกล่องข้าวมา ใครไม่มีทางค่ายมีขาย ทีนี้เราก็มีขายน้องชาวดอยเค้าไป แต่น้องเค้ายังไม่มีเงินติดตัว (คือน้องชาวดอยเค้าก็ไม่ค่อยมีเงิน) เสร็จแล้วเราก็ลืมๆกันไป อีก2วันต่อมาน้องเค้าก็มาถามว่า จะจ่ายเงินค่ากล่องข้าวได้ที่ไหนครับ คือไอ้เราก็ลืมไปตั้งนานแล้ว ประทับใจในความซื่อสัตย์ของน้องเค้ามากเลย

ดีใจ รู้สึกว่าสี่วันนี้ของเรามันมีค่า :)

1 comment:

KRISS said...

ยินดีด้วย