smilllllll...ling..


Pattaya & the Bald Island

ฮ่าๆ เกาะล้านนั่นเอง ...

เมื่อวานไปเที่ยวเกาะล้าน (พัทยา) มา ด้วยเวลาอันจำกัดทำให้ไม่ได้ทำอะไรมากนัก เดี๋ยวมาเล่าต่อยามว่างนะจ๊ะ

...

โอเค ยามว่างแล้ว

เราออกจากกทม. ณ จุดนัดพบลับ ที่ปั๊มแก็สปตท.ตรงถนนเพชรเกษมแถวๆสะพานเนาวจำเนียร (มีอยู่ปั๊มเดียวแหละ หาง่าย) อ้าว บอกซะหมดงี้จะเรียกจุดลับได้ไง? ออกจากปั๊มเวลาประมาณ 8:40 ด้วยรถกระบะสุดลุย ขับวนเวียนอยู่ในกรุงเทพเมืองฟ้าอมร ขับวนไปวนมากว่าจะออกจากกรุงเทพก็ 9 โมงกว่าแล้ว
เราเลือกใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์สาย 7 ด้วยคิดว่าน่าจะวิ่งสบายๆ ซึ่งก็สบายดี แต่ก็เจอกับการสร้างถนน สร้างสะพานเต็มไปหมด ตลอดทางเจอเข้าไป 6-7 ที่ ถึงกะสบายไม่ออกเหมือนกัน คราวหน้าคงต้องดูก่อนว่าทางมันดีหรือยัง ไม่งั้นไปสาย 3 ดีกว่า

บ่นๆๆ เพลงที่เลือกไปฟังระหว่างทางก็ write CD เอาคืนก่อนหน้าแบบล่กๆ ประกอบด้วย Now that's what i call music! 4-9 ซึ่ง write มาห่วยมากทำให้คุณภาพเสียงไม่ค่อยดี และบางเพลงถึงกะฟังไม่ได้ ช่างมัน เรายังมี Jack Johnson ชุด In between dreams ซึ่งฟังกันจนเบื่อ แต่ก็พอกล้อมแกล้มไป

ขับกะดุ๊งๆ ตามทางไปเรื่อย แวะกินข้าวตรงจุดพักรถ แล้วก็ยิงยาวไปจนถึงพัทยา อืมๆ ที่อ่านมาจากอินเตอเหน็ดเขาว่าเจอป้ายเกาะล้านตรงพัทยากลางอย่าเลี้ยว อย่าเลี้ยว!!! แหะๆ ไม่เลี้ยวคร้าบ ไปเลี้ยวตรงพัทยาใต้ แว้บ ตรงต่อไปเจอไฟแดงเลี้ยวซ้าย ขึ้นสะพาน ลงสะพาน อา ถึงแล้ว ท่าเรือบาลีฮาย... ดีนะที่ท่องแผนที่มาขึ้นใจ

ทุลักทุเลและหงุดหงิดกับการหาที่จอดพอสมควร ไปถึงท่าประมาณ 11 โมงครึ่ง จอดรถได้ประมาณเที่ยงกว่า เอาหละ เรือออกบ่ายโมง มีคนของเรือมาขายๆ เราถามถึงราคาเขาบอกมี 2 แบบคือ Speedboat 150 บาท ออกบ่ายโมง เรือธรรมดาออกบ่าย 2 ราคา 20 บาท ไอ้เราก็รีบๆ พอรู้ตัวก็จ่ายตังไป 300 บาท คนเรือชี้ให้ขึ้นเรือ เราก็ขึ้นๆไป เอ๊ะ นี่มันเรือเ็ร็วแบบไหนวะ มี 2 ชั้นด้วย ครับ เ็ซ็งไป โดนหลอกเฉย แต่เนื่องจากมาเที่ยวไม่ได้มาทะเลาะกับใครเลยปล่อยเลยตามเลย ที่ที่เรียกกันทั่วไปว่า ช่างแม่ง

ตามเวลามันบ่ายโมง แต่กว่าเรือจะออกจริงๆก็ล่อเข้าไปบ่ายโมงครึ่ง เอาเข้าไป อุตส่าห์รีบหาที่จอด แต่พอเรือออกก็สบายใจขึ้น ลมเย็นๆ ทะเลกว้างๆ เรายิ้มออก เย่ๆ มาเที่ยวทะเลกันแล้วเฟร้ย

ผ่านไป 40 นาที เห็นเกาะอยู่ใกล้ๆประมาณว่ายน้ำเหนื่อย เย่ๆ จะถึงแล้ว พรึ่บ เสียงเครื่องยนต์ดับ อืม อะไรหว่า อ๋อ ตอนก่อนมาคุณคนเรือบอกว่ามีบริการดูปะการังฟรีด้วย (ฟรีที่ไหนเล่า เอาตังกูไป 300) โอเค รอดูซิว่าจะมีใครมาบอกให้ทำอะไร รอไปสิ 10 นาทีผ่านไป เรือลอยเท้งเต้ง ไม่เห็นมีใครลงน้ำไปดูอะไร มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย ฝรั่งข้างๆเริ่มบ่น เ็ห็นบอกนี่แหละเมืองไทย เคยเจอรถเมล์เสียโดยไม่มีใครบอก ปล่อยให้ฝรั่งรอ คราวนี้ก็คงเหมือนกัน ไอ้เราก็แหะๆอยู่ในใจ อายนิดๆ ประเทศเรา..

ซักพักก็มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าเรือเสีย ไอ้เราก็เริ่มเซ็งๆ ซักพักมีนักท่องเที่ยวชาวไทยบางคนเริ่มเดินไปหยิบชูชีพ เฮ้ย ไม่ตลกนะเฟร้ย เมื่อกี้ที่บอกเห็นเกาะอยู่ใกล้ประมาณว่ายน้ำเหนื่อยเนี่ย มันมีคำว่า "เหนื่อย" ด้วยนะคร้าบ พอมองไปทางเกาะอีกทีเริ่มเปลี่ยนเป็นคำว่า เหนื่อยมาก ขึ้นมา ...

นี่จะมาเที่ยวหรืออะไรเนี่ยอิๆ เล่ามาตั้งนานมีแต่เรื่องบ่น หะๆ จริงๆเรามีความสุขตลอดทริปนะครับ เดี๋ยวมาเล่าต่อ และรูปจะตามมาทีหลัง ...

แทงข้างหลัง ทะลุถึงหัวใจ

เห็นเขาพูดถึงกันน่ะนะ เลยไปหาเนื้อเพลงมาลงไว้

ออฟ ปองศักดิ์

แทงข้างหลัง..ทะลุถึงหัวใจ MP3

ไม่ใช่นิยายไม่ใช่ละคร
ที่ฉันมองเห็นอยู่นี้ ที่แท้มันคือความจริง
คือคนสองคนที่บอกรักกัน
และคนในนั้นหนึ่งคนคือคนที่ฉัน รักหมดหัวใจ

สิ่งที่เธอแสดงทุกทุกถ้อยคำ เหมือนเธอนั้นพูดกับฉัน
แต่ผู้ชายคนนั้น มันไม่ใช่ฉัน

ฉันเหมือนคนไม่มีกำลัง และหมดแรงจะยืนจะลุกจะเดินไป
ฉันเหมือนคนกำลังจะตาย ที่ขาดอากาศจะหายใจ
ฉันเหมือนคนที่โดนเธอแทงข้างหลัง แล้วมันทะลุถึงหัวใจ
เธอจะให้ฉันมีชีวิตต่อไปอย่างไร
ไม่มีอีกแล้วกับเธอ ไม่มีเหลือสักอย่าง อยากตาย

บทบาทของเธอ สิ่งที่เขาทำ
ทุกตอนมันเหมือนตอกย้ำ ให้ฉันต้องเสียน้ำตา
ภาพที่คุ้นเคยที่ที่คุ้นตา
น้ำเสียงที่เธอพูดจา ท่าทีเหล่านั้นฉันไม่เคยลืม

สิ่งที่เธอแสดงทุกทุกถ้อยคำ เหมือนเธอนั้นพูดกับฉัน
แต่ผู้ชายคนนั้น มันไม่ใช่ฉัน

สิ่งที่เธอแสดงทุกทุกถ้อยคำ เหมือนเธอนั้นพูดกับฉัน
แต่ผู้ชายคนนั้น มันไม่ใช่ฉัน

--ออฟ



ฉันเหมือนคนไม่มีกำลัง และหมดแรงจะยืนจะลุกจะเดินไป
ฉันเหมือนคนกำลังจะตาย ที่ขาดอากาศจะหายใจ
ฉันเหมือนคนที่โดนเธอแทงข้างหลัง แล้วมันทะลุถึงหัวใจ
เธอจะให้ฉันมีชีวิตต่อไปอย่างไร
ไม่มีอีกแล้ว กับเธอไม่มีเหลือสักอย่าง อยากตาย

เสียใจแค่ไหน ถ้าอยากรู้บอกเธอได้คำเดียว อยากตาย

ความหงุดหงิดของข้าพเจ้า (เสนอเป็นตอนแรก)

เมื่อวันนี้ก็นัดกันไปกินข้าว
ที่ร้านหนึ่ง ..ไปถึง ร้าน
ร้านแบบว่าปิดจัดงานใครสักคนเกิด
อืม ข้าพเจ้าก็แบบว่า เซ็งๆ และก็หิ้วหิว
อ่ะ ย้ายร้าน
ก็วนกลับมาทางเดิมที่เพิ่งผ่านไป
แล้วรถก็ติดชิบป๋ง ขนาดยอมเสียตังค์ขึ้นทางด่วน นะ เนี่ย
ก็ยังจะขึ้นไปติดกันอีก
แบบว่าเลิกงานแล้วทำไมไม่กลับบ้านกันฟระ
จะไปไหนกันนักหนาป่านนี้
เฮ้อ เซ็งๆอยู่บนรถคนเดียว
ที่สำคัญคือหิวมาก
กว่าจะไปถึงร้าน
อ่ะไม่มีที่จอดอีก
อุตส่าห์วนๆๆๆๆๆ รอๆก็ไม่มีอีก
ให้ดิชั้นถ่อไปจอดไกลโค ตระ เลยเข้าไปอีกแบบว่าไกลอ่ะ
อ่ะให้รอรถกอล์ฟมารับ
นานจัด
รอไม่ไหว ขี้เกียจรอ เลยเดิน
เดินๆก็ เปียก มีเละหน่อยๆ
ไปถึงก็เจอกัน
ก็ทำหน้าบูดๆใส่

ยังไงก็ขอโทษนะ
ก็จะพยายามไม่หงุดหงิดกับอะไรๆที่มันไร้สาระ

..แต่ว่าบางทีมันก็หงุดหงิด นี่นา

คำถาม

ก็มีว่า
เด็กชายคนหนึ่งนั่งรถจอดติดไฟแดงอยู่กะพ่อ
ถามว่า ..พ่อๆ ไฟแดงมีกี่สี
พ่อว่า .. ก็มี 3 สี สิลูก
เด็ก .. ม่ายช่าย ไฟแดงก็มีสีแดงสีเดียวไงพ่อ

อิอิ
คือว่าเราก็ได้ฟังเรื่องนี้จากวิทยุในเช้าวันหนึ่ง
ก็นั่งฮา...แตก...แตน อยู่คนเดียว
และคิดว่าเป็นคำถามที่เด็ดดี

แต่ว่า
ทำไมเอาไปถามใครๆก็ตอบถูกกันหมดเลยอ่ะ

this evening

just a normal day
like every other days,
this evening ..
i walked around my shop,
took my car to the washing machine,
bought some ice-cream for my Changs,
chatting and laughing ..together,

wind blows
sunset...
i always think that i don't like my job,
well, ...there's always the little happiness..there,
and i like that.


"Always find the things you like in the things you do"
my quote of today :P

Always find the things you like in the things you do

--Joy

Ecological Debt

What is that?

If you take more than your fair share of a finite natural resource, you run up an ecological debt. If you have a lifestyle that pushes an ecosystem beyond its ability to renew itself, you run up an ecological debt.

People in power in rich countries have taken their eyes off the ball. Instead of causing misery in poor countries by forcing them to pay illegitimate financial debts, they should have been worrying about their own ecological debts.

--Ecological Debt:The Health of the Planet and the Wealth of Nations



ข้อความข้างบน ลอกมาจากหนังสือเล่มนึง ที่ว่าจะหาเวลาอ่านแล้วเอามาแชร์สู่กันฟัง (แต่อย่าหวังอะไรมากนะ มีหนังสือรอจ่อคิวเป็น 10 เล่ม) หนังสือนี่เกี่ยวกับประเ็ด็นทางสิ่งแวดล้อมต่างๆของประเทศพัฒนาแล้ว vs ประเทศอื่นๆ

แต่จริงๆเรามองให้ใกล้ตัวกว่านั้นก็ได้ สังคมเมืองกับสังคมไม่เมืองของเราก็เป็นตัวอย่างชัดเจน เราอยู่เมืองมีความสุขสบาย สิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เผาผลาญทรัพยากรเกินกว่าคนอื่นๆเขา โดยอ้างความชอบธรรมทางการเงินว่าเรามีปัญญาซื้อและจับจองเป็นเจ้าของมัน และโดยไม่รู้ตัว เรากำลังผลักดันสังคมทั้งมวลให้มาทางเรา เพื่อยิ่งให้เรามีสิทธิอันชอบธรรมทางการเงินนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ

เดี๋ยวมาเขียนต่อ รู้สึกมันปาก(มันคีย์บอร์ด) ขึ้นมาแล้ว

...

Background Quote Marks

Introducing new quote style to our blog...

It's better to regret something you did than something you didn't do.

—Someone



Cool, eh?

I use this CSS to style the blockquote element:

blockquote {
width: 320px;
margin: 0;
padding: 0;
font-size: 150%;
line-height: 1em;
text-align: center;
color: #555;
background: #eee url(http://www.anassirk.com/files/quote_top.gif) no-repeat top left;
}

blockquote .quote {
margin: 0 10px 0 0;
padding: 20px 10px 10px 20px;
line-height: 1em;
background: url(http://www.anassirk.com/files/quote_right.gif) no-repeat right bottom;
}

blockquote .author {
margin: 0;
padding: 0 0 10px 0;
color: #999;
font-size: 60%;
background: url(http://www.anassirk.com/files/quote_bottom.gif) no-repeat bottom;
line-height: 1em;
}

and the html is just a <blockquote> with a <p> with class="quote" and a <p> with class="author"

source: Web Standards Solutions:
The Markup and Style Handbook


Well, I've just seen the style on IE6 ... it's not quite right. (I'm using Firefox)
Firefox 2
I'll figure that out later ...

Spam II

โอว post ได้ง่ายๆแล้ว!!!

หลังจากบ่นไปไม่นาน เมื่อกี้ท่าน google ก็ได้ส่ง email มาที่ hotmail (เฉย) เพื่อบอกว่า "เราคิดว่าคุณไม่เป็นอันตรายต่อเราแล้ว เชิญ post ตามสบาย"

ครับ ตอนนี้ Word Verification ตอนเรา post จะหายไปแล้วครับ

เย่ๆ

Thanx, Goog.

คนเหล็ก

...




ตอนที่มีข่าวนักบินตาบอดขับเครื่องบินไปนู่นไปนี่ ตามประสาคนสนใจข่าวสาร ชาวแผนกผมก็เอาข่าวนี้มาคุยกัน
(ชื่อต่างๆเป็นนามสมมติทั้งสิ้น)

ปลา: "เขาทำได้ไงนะ เก่งจัง"
ดำ: "บอดข้างเดียวป่าว หรือแกล้งบอด"
เก่ง: "เฮ้ยพี่ บอดสองข้างชัวร์ คอนเฟิร์ม"
ดำ: "เอ็งรู้ได้ไงวะ"
เก่ง: "ไม่รู้พี่ แต่บอดสองข้างชัวร์ คอนเฟิร์ม"
ดำ: "..."
ดำ: "แล้วมันไม่มีกฎหมายอะไรเหรอวะ ดูขนาดขับรถยังต้องสอบใบขับขี่กันวุ่นวาย ตาบอดสียังขับรถไม่ได้เลย"
ปลา: "ไม่เป็นไรมั้งพี่ ขับเครื่องบินไม่มีไฟเขียวไฟแดง"
เก่ง: "อืม แต่จริงๆมันก็น่าจะผิดกฎอะไรบ้างนะ"
ดำ อยากบอกน้องเรื่องโลก: "แต่จริงๆแล้วเนี่ย กฎก็คือคนว่ะ "
เก่ง-ปลา: "ยังไงพี่?"
ดำ: "จริงๆแล้วคนออกกฎและบังคับใช้กฎก็คือคนนั่นแหละ ดังนั้น กฎก็คือคน"
เก่ง-ปลา: "โอว..."
แล้วก็แยกย้ายไปทำงาน
....
ผ่านไป 3 ชั่วโมง
ดำ: "นี่ๆ พวกเอ็งรู้จัก กฎเหล็ก ป่าววะ"
เก่ง-ปลา รอดูว่าพี่ดำจะมาไม้ไหน แต่มุขควายแน่ แต่ชงไปก่อน ตามประสาคนแผนกเดียวกัน
"ยังไงพี่?"
ดำ: "ฮ่าๆ ก็นี่ไง กดเหล็ก" เอานิ้วกดเหล็กขาเก้าอี้ไว้ แล้วหัวเราะหะๆ


เก่ง: "นั่นมัน คนเหล็ก นี่พี่"
ปลา: "ใช่ๆพี่ดำ นั่นมัน คนเหล็ก"
ดำ อ๋อในใจ แต่ต้องเลยตามเลย เพราะเป็นกฎของแผนก ใครเล่นอะไรมาต้องตามน้ำ: "ยังไงวะ?"

เก่ง-ปลา:

"ก็พี่ดำบอก กฎก็คือคน"



ชิ้ง...

ก็พี่ดำบอก กฎก็คือคน

—เก่ง-ปลา



..

Spam

เมื่อไหร่พระคุณท่าน Google จะเอา CAPTCHA ออกไปจากการ post ของกระผมซักกะทีคร้าบ?

ปกติแล้วการจะมี CAPTCHA นั้นจะมีเฉพาะฝั่ง comment โดยเจ้าของ blog เป็นผู้กำหนด แต่ตอนนี้ google มอง blog เราเป็น spam blog ซะงั้น ทำให้ตอนจะ post ต้องมานั่งพิมพ์ word verification อะไรให้วุ่นวายไปหมด เอาออกก็ไม่ได้ ต้อง รอตรวจสอบ แล้วจะตรวจสอบเสร็จเมื่อไหร่ฟะ บ่นๆๆ

วันนี้

นั่งอยู่ที่ร้าน
เงียบสนิท
ไม่มีลูกค้าเรยอ่ะ

แง
เศร้าจัง

อากาศครึ้มๆ
ฝนจะตกไหมน้า
.
.
ไปหละ

ความลำบากของ Dio

เกิดเป็นตัวโกงก็ซวยวันยังค่ำ



ดีโอ แบรนโด เป็นตัวละครในการ์ตูนเรื่อง โจโจ้ล่าข้ามศตวรรษ
ในการตูนเรื่องนี้ตัวละครหลักจะมีความสามารถที่เรียกว่า STAND เป็นความสามารถทางวิญญาณที่คนที่มี Stand ด้วยกัน ผู้ใช้ Stand จึงจะมองเห็น ส่วนคนทั่วไปจะรับรู้ได้แค่ ผลของความสามารถ เช่น บางคนทำให้เกิดไฟ บางคนสามารถแอบดูความทรงจำคนอื่นได้

ดีโอเป็นตัวโกงของเรื่องมี Stand ชื่อ The World มีพลังและความเร็วเป็นเยี่ยม จนถึงขนาดมีความสามารถไม้ตายคือ หยุดเวลาได้ ดีโอเคลื่อนที่อย่างอิสระในเวลาที่หยุดได้ประมาณ 5-6 วินาที ซึ่งแค่นั้นก็สร้างความลำบากมากมายในการต่อสู้กับดีโอของฝั่งพระเอกของเรื่อง

แต่ความลำบากของพระเอกก็คงไม่เท่ากับดีโอ เมื่อเรามาพิจารณากันจริงๆ ยกตัวอย่างตอนแรกๆที่ยังไม่มีใครรู้ความสามารถของ The World คนเขียนก็พยายามทำให้ความสามารถดูลึกลับ น่ากลัว ซึ่งนี่แหละ ทำให้ดีโอมีชีวิตลำบาก ทั้งที่มีพลังมากมาย วันนี้จะมายกตัวอย่างให้ฟังซัก 2-3 อัน

1. ตอนที่มีตัวละครตัวนึง (ลูกน้องดีโอ) อยากลองดี โดยถือปืนย่องเข้ามาในห้อง ขณะดีโอกำลังหันหลังอ่านหนังสืออยู่ใกล้ๆชั้นหนังสือ ระหว่างประตูถึงชั้นหนังสือระยะห่าง 3-4 เมตร เต็มไปด้วยใยแมงมุมมากมาย เพราะเป็นห้องที่ไม่มีใครกวาด ขณะยกปืนขึ้นจะลั่นไก ดีโอก็หายไปจากสายตาทันที รู้ตัวอีกที แว้บ มาอยู่ข้างหลัง ... เป็นไปได้ไงเนี่ย ท่านดีโอมาอยู่ข้างหลังเรา กล้องแพนไปที่ใยแมงมุม ไม่มีขาดแม้แต่้เส้นเดียว

น่าขนลุกมากๆ สำหรับตัวละครตัวนั้น และคนอ่าน ที่ยังไม่รู้ว่าดีโอหยุดเวลาได้ แต่ความลำบากของดีโอ จะมีใครเข้าใจ
ดีโอต้องพยายามวิ่งอ้อมมาด้านหลัง ระยะทาง 3-4 เมตร โดยไม่ให้ใยแมงมุมขาดและมีเวลาแค่ 5-6 วินาที มันเหนื่อยนะเฟร้ย!

2. ตัวละครฝั่งพระเอกชื่อโปลนาเรฟ เมื่อก่อนเคยเป็นพวกดีโอ เลยรู้ถึงความน่ากลัวดี (แต่ก็ไม่รู้ว่าหยุดเวลาได้) ตอนหลังมาอยู่ฝั่งพระเอก รวบรวมความกล้า เดินขึ้นบันไดไปหาดีโอ ซึ่งอยู่บนขั้นบนสุด ห่างกันประมาณ 10 ขั้น

ดีโอเล่นเกมจิตวิทยา "โปลนาเรฟเอ๋ย แกคงไม่รู้ตัวหรอกว่าใจจริงแกไม่อยากสู้กับข้า ข้าให้แกเลือกละกัน ถ้าแกตัดสินใจทิ้งชีวิตและอาจหาญมาสู้กับข้า ก็จงก้าวขึ้นบันไดมาอีกขั้น"
โปลนาเรฟ ทั้งๆที่เหงื่อแตกพลั่ก ครุ่นคิดถึงสิ่งต่างๆมากมาย ในที่สุดความกล้าก็ชนะ ตัดสินใจก้าวขึ้นบันไดไป 1 ขั้น
แว้บ!!! โปลนาเรฟรู้สึกแปลกๆ ก้มลงดูเท้า อ้าว กูก้าวลงบันไดมา 1 ขั้น ... หันขึ้นไปข้างบน ดีโอยืนกอดอกอยู่ท่าเดิม ...
ไม่ไหวแล้วโว้ย หนีก่อนดีกว่า ... เผ่นแน่บไป

แต่ความลำบากของดีโอ จะมีใครเข้าใจ

ดีโอต้องวิ่งลงบันไดมา ยกตัวโปลนาเรฟไปวางถอยลงบันไดไป 1 ขั้น แล้วก็ต้องรีบวิ่งขึ้นมาเก๊กท่าเดิม ...



นอกจากนี้แล้วยังมีตอนอื่นๆอีกมาก ที่น่าจะลำบาก เอาไว้เล่าวันหลัง ไปหละ แว้บ

คนตลก

เรื่องตลก มั้ง?

เรื่องตลกไม่จำเป็นต้องซับซ้อนอะไรมาก หรือบางทีก็ซับซ้อนจัดๆ
ผมชอบทุกแบบ และเล่นทุกแบบ

มันไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้อยากเป็นคนตลก ไม่ได้พยายามด้วย มันเป็นไปเอง
ผมเป็นคนจริงจังนะ (ฮา)

จริงๆแล้วความตลกไม่ตลกนั้น context มีความสำคัญมาก และอธิบายไม่ได้ด้วย เข้าขั้นศิลปะทีเดียว ที่พูดนี่ไม่ได้จะบอกว่าผมมีศิลปะในการทำตลกซักกะติ๊ด เพราะ context ไม่ใช่สิ่งที่ผมทำคนเดียว มันประกอบกันตั้งแต่ เวลา สถานที่ คนฟัง ฝั่งคนทำตลกนั้นออกแรงนิดเดียวเท่านั้น

ดังนั้นถ้าคุณบังเอิญมาอยู่ใน context นั้น แล้วเกิดขำขึ้นมา ยินดีได้เลย คุณเป็นส่วนหนึ่ง (ส่วนสำคัญด้วย) ในการสร้างความตลกนั้น

มีหลายเวลาที่ผมไม่ตลก แม้จะพยายามตลก ก็ไม่ตลก แต่บางครั้งอ่านเมนูอาหารก็ทำเอาคนขำจะเป็นจะตายได้

จากที่อ่านมาทั้งหมดนี่คงเข้าใจแล้วนะ ว่าผมไม่ใช่คนตลก คนตลกบ้าอะไรจะมานั่งเขียนเรื่องตลกเป็นจริงเป็นจังแบบนี้
คุณนั่นแหละ ถ้าวันใดคุณขำผม คุณเป็นคนตลก นะ นะ

เสียงหัวเราะของคุณๆ คือความสุขของผม เสียงหัวเราะของบางคน เป็นชีวิตผม ไปหัดหัวเราะกันมาซะ ผมจะได้หัวเราะบ้าง

.......................

จบแล้ว

.......................

เมื่อกี้อ่านการ์ตูนเรื่องอีกา ตลกดี แต่เล่าไปคงไม่ตลกเท่าไหร่ เพราะคุณไม่ได้อยู่ใน context เดียวกับผม คุณไม่ได้รู้จักตัวละครตัวนี้เท่าผม แต่ช่างมัน ผมขำก็แล้วกัน เรื่องมันก็ง่ายๆ

ชินสุเกะ "ร้านนี้มีน้ำกล้วยมั้ย?"
เด็กเสิร์ฟ "อ้า...มีครับ"
ชินสุเกะ "ใช้กล้วยสดๆใช่มั้ย?" หน้าตาดุดัน เอาเรื่อง
เด็กเสิร์ฟ ตะกุกตะกัก "ค...ครับ"
ชินสุเกะ "งั้นรึ"
"งั้นขอกาแฟเย็น"
เด็กเสิร์ฟ "..."

มุขนี้เก่า มุขนี้ซ้ำ เคยฟังแล้ว โอ๊ยเห่ย ไม่เห็นจะขำ

เรื่องของมึง!!!

The Pursuit of HappYness

What are we looking for?

What are you looking for?

Happiness? Nothingness? Emptiness?

We never know.

At Sontana Party, the Palm Street Place.

บรรยากาศดี อาหารอร่อย มีเน็ทฟรี

เลียบทางด่วน รามอินทรา-อาจณรงค์ จะมี plaza ชื่อ the Palm Street Place อยู่ตรงแยกเหม่งจ๋าย
ขึ้นมาบนชั้นสองจะเจอร้านสนทนาปาร์ตี้ จบ

.
.
.

ยัง!!!

เรามานั่งกันตั้งแต่ค่ำ เพลิดเพลินกับอาหารอร่อยๆ เริ่มจากกินเล่นอย่าง "กุ้งพันแฮม" ซึ่งเป็นกุ้งพันธุ์ใหม่ ใช้การตัดต่อพันธุกรรม ทำให้รสชาติเหมือนแฮม ตึก โป๊ะ!

ต่อจานสอง และ สาม อย่างไม่ยั้ง ด้วยอาหารเบสิก แต่รสอร่อยแอดวานช์อย่าง "ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่" และ "ลาบจอยทอด" โอ๊ย โดนทุบ!!! โอเค ลาบหมูทอด

อ๊ะ จานถัดมาอย่างเผ็ดเลยว่ะ "ตำสนทนาปาร์ตี้" แต่ก็แซ่บใช้ได้สำหรับคนชอบรสจัดจ้าน แต่เราขอบายกัน เพราะกระเพาะอาหารไม่เป็นใจ ...

น้ำเปล่าที่นี่อร่อยมาก อย่าลืมสั่งนะ โดยเฉพาะหลังกินตำสนทนาปาร์ตี้จะอร่อยจนแทบแย่งน้ำกันตาย

ดนตรีมาพอดี ท่าทางจะโอเค เป็นแนวอคูสติกเล่นเพลงตลาดทั่วไป มี กลองกับกีตาร์ 2 คนเท่านั้น

คำเตือนอย่างนึงคือ "อย่าสั่งน้ำส้ม" นอกจากจะ 55 บาทแล้ว มันยังซันควิกอีกด้วย ซันออฟอะควิกมากเลย เซ็ง

สรุปว่า ผ่านละกันเด้อ สำหรับสนทนาปาร์ตี้ ใช้ได้ๆ แนะนำให้ลองมากินดู ที่สำคัญใกล้ที่ทำงานจอยด้วย อิๆ

ฤๅษีผสม

ชื่อสามัญเรียก Flame Nettle, Painted Nettle


...เป็นพันธุ์ไม้พุ่มประดับ ที่สูงประมาณ 1 เมตร เด่นด้วยสีสันของใบที่หลากหลายสวยงาม ลักษณะของใบเป็นรูปหัวใจขอบใบหยักครึ่งวงกลม เส้นใบลากขวางกลางใบ เนื้อใบไม่เรียบเสมอ ขอบใบสีเขียวสด มีสีแดงสดกลางใบ สีตัดกันสวยงาม ฤๅษีผสมมีหลากหลายสีสันของใบ ทั้งแดง ม่วง และลวดลายขลิบขอบที่งดงามนัก นิยมใช้เป็นไม้พุ่มประดับตกแต่งสวน ดอกของฤๅษีผสมผสมเป็นช่อกระจะ สีม่วงแดงมีดอกเล็กๆสีขาว มักนิยมสีสันของใบมากกว่า ชอบแดดจัด และแดดรำไร หากยิ่งรับแดดสีของใบจะยิ่งสด ชอบน้ำปานกลาง...



ข้างบนอ่านมาจากเว็บจัดสวนเว็บนึง

ความเป็นจริงยังไกลจากความฝัน

...เป็นไม้ปลูกไว้ในกระถางเล็กๆ ประดับคงลำบาก เพราะสูงประมาณ 10 เซนติเมตรเท่านั้น ใบเป็นสีเขียวมีแต้มสีแดงนิดๆตรงกลางใบ แลดูกระดำกระด่าง ลักษณะใบเป็นรูปหัวใจแหว่งๆ ดอกยังไม่มีปัญญาออก ขอเลี้ยงใบให้รอดก่อน ชอบแดดจัด เวลาเอาไปตากแดดทำท่าดี๊ด๊า เวลาเอาเข้าร่มทำท่าจะเหี่ยว ชอบน้ำปานกลาง...

รูปของจริงไม่กล้าลง เดี๋ยวเลี้ยงให้สวยๆก่อนนะฮึ่ม

สู้ต่อไป!!!

What am I to you?

Norah Jones

What am I to you
Tell me darling true
To me you are the sea
Vast as you can be
And deep the shade of blue

When you're feeling low
To whom else do you go
See I cry if you hurt
I'd give you my last shirt
Because I love you so

If my sky should fall
Would you even call
Opened up my heart
I never want to part
I'm giving you the ball

If my sky should fall
Would you even call?

--Norah Jones



When I look in your eyes
I can feel the butterflies
I love you when you're blue
Tell me darlin' true
What am I to you

Yeah well if my sky should fall
Would you even call
Opened up my heart
Never wanna part
I'm giving you the ball

When I look in your eyes
I can feel the butterflies
Could you find a love in me
Could you carve me in a tree
Don't fill my heart with lies

I will you love when you're blue
Tell me darlin' true
What am I to you
What am I to you
What am I to you

เหนื่อยใจ

XL STEP

อยากจะรู้ ว่าทำไมเธอจึงไม่เคยพอใจ ไม่แคร์กับสิ่งที่ฉันทำไปทุกอย่าง
และรักที่มีให้ไป มันไม่มีความสำคัญ หรือที่ฉันให้เธอมันน้อยไป

บอกได้ไหม ว่าต้องทำอะไรให้เธอพอใจ จะทำอย่างไรให้หันมามองฉันบ้าง
อดทนกับความเฉยชา ของเธอมานานแสนนาน หรือว่าถึงเวลาที่ควรตัดใจ

หมดแล้ว ฉันรักเธอหมดใจ ทุ่มเทไปทุกอย่าง
แต่ความหวังยังดูเลื่อนลอย ไกลห่างออกไป เมื่อเธอไม่เคยมองเห็น
เหนื่อยใจ เหมือนใกล้จะหมดแรง ที่ทำไปทุกอย่าง
แต่ไม่เห็นจะมีอะไร ที่เธอต้องการ ก็คงไม่มีวันนั้นที่เธอพอใจ

หมดแล้ว ฉันรักเธอหมดใจ ทุ่มเทไปทุกอย่าง
แต่ความหวังยังดูเลื่อนลอย ไกลห่างออกไป เมื่อเธอไม่เคยมองเห็น
เหนื่อยใจ เหมือนใกล้จะหมดแรง ที่ทำไปทุกอย่าง
แต่ไม่เห็นจะมีอะไร ที่เธอต้องการ ก็คงไม่มีวันนั้นที่เธอพอใจ

ฉันเสียเวลา กับเธอมาตั้งนาน ทั้งๆที่รักเธออยู่แต่ก็ต้องไป
ถ้าฉันยังอยู่ ก็อาจจะยิ่งเสียใจ ไม่อยากเหนื่อยใจมากไปกว่านี้

หมดแล้ว ฉันรักเธอหมดใจ ทุ่มเทไปทุกอย่าง
แต่ความหวังยังดูเลื่อนลอย ไกลห่างออกไป เมื่อเธอไม่เคยมองเห็น
เหนื่อยใจ เหมือนใกล้จะหมดแรง ที่ทำไปทุกอย่าง
แต่ไม่เห็นจะมีอะไร ที่เธอต้องการ ก็คงไม่มีวันนั้นที่เธอพอใจ

ก็คงไม่มีวันนั้นที่เธอพอใจ

เป็นคนรึเปล่า ใช่ครับโอ๊เย

อันตรายิกธรรม

อะไรหว่า ถ้าเด็กสมัยนี้ถาม ก็คงต้องไล่ไปฟังบูดาเบลส

"มนุสโสสิ อามะภันเต คนรึเปล่า ใช่ครับโอ้เย มนุสโสสิ อามะภันเต เกิดเป็นคนทั้งทีก็ทำดีกันหน่อยซิ"

ซึ่งบูดาเบลสก็เอามาจากคำถามของพระคู่สวดที่จะถามพระกำลังบวช มี 13 ข้อด้วยกัน ถ้าพระใหม่ตอบไม่ได้ ก็จะเป็นพระไม่ได้ (จริงๆก็ท่องๆกันมาแหละ หลายคนไม่รู้ความหมาย ตอบมั่วๆไป)

คำถามทั้ง 13 ข้อนั้น มีดังนี้
1. กุฎฐัง เธอเป็นโรคเรื้อนหรือไม่
2. คัณโฑ เธอเป็นโรคฝี (ในระยะที่น่าเกลียด-บริเวณที่เห็นชัด)หรือไม่
3. กิลาโส เธอเป็นโรคกลากหรือไม่ (โรคเรื้อนชนิดแห้ง)
4. โสโส เธอเป็นโรควัณโรคหรือไม่
5. อปมาโร เธอเป็นโรคลมบ้าหมู(ลมชัก)หรือไม่
6. มนุสโสสิ เธอเป็นมนุษย์แน่นะ
7. ปุริโสสิ เธอเป็นผู้ชายแน่นะ
8. ภุชิสโสสิ เธอเป็นไทแก่ตัวเองแน่นะ
9. อะนะโณสิ เธอไม่เป็นหนี้ใครแน่นะ
10. นะสิ ราชะภะโฏ เธอไม่เป็นข้าราชการแน่นะ
11. อนุญญาโตสิ มาตาปิตูหิ มารดาบิดาอนุญาตแล้วแน่นะ
12. ปะริปุณณะวีสติวัสโสสิ อายุครบ 20 ปีจริงนะ
13. ปะริปุณณันเต ปัตตะจีวะรัง มีบาตร-จีวรครบแน่นะ

ซึ่งคำถามแต่ละข้อจริงๆก็มีที่มาที่ไปทั้งสิ้น เดี๋ยวว่างๆจะเอามาเล่าให้ฟัง
คำตอบของแต่ละคำถามก็มีแค่ อามะ ภันเต (ใช่ครับโอ๊เย) กับ นัตถิ ภันเต (ไม่ใช่ครับโอ๊โน)



พอดีวันนี้แว่บไปงานบวชเพื่อนมาน่ะ ตอนเช้า

กิ๊ก?

ที่บริษัทมีแม่บ้านชื่อป้าหวาน

ป้าหวานเป็นคนอุทัยธานีบ้านเดียวกับผม ทำให้เวลาคุยกันก็จะออกสำเนียงเหน่อๆกันออกมาทั้งคู่

วันนึงป้าแกมาถามน้องคนนึงในบริษัทว่า กิ๊กคืออะไร? น้องเลยถามว่า อยากรู้ไปทำไม แกบอกว่า แกรู้จักเด็กเสิร์ฟคนนึง หน้าตาดี ท่าทางน่ารัก แกไปถามเขาว่า อายุขนาดนี้แล้ว หน้าตาก็ดี ยังไม่มีผัวอีกเหรอ เด็กคนนั้นบอกว่า มีทำไมผัว มีกิ๊กดีกว่า ผัวมีได้คนเดียว กิ๊กมีได้หลายคน แกเลยอึ้งๆไป แล้วเลยมาถามน้องที่ทำงานผม

ส่วนคำอธิบาย ที่น้องคนนั้นเล่าให้ฟัง คือ
กิ๊ก = คนที่เกินเพื่ิอนไป สามารถคุยกันได้ถูกคอ มีได้มากกว่าหนึ่งคน จะมีอะไรกัน(หรือไม่มี)ก็ได้

จริงๆไม่ใช่ป้าหวานคนเดียวแฮะ ที่อึ้งๆ ผมเองก็อึ้งๆ ไม่รู้ว่าเพราะมาจากอุทัยเหมือนกัน หรือเพราะแก่แล้วเหมือนกัน(วะ)

คอนเซ็พท์นี้รับไม่ค่อยได้แฮะ แต่จะไปตัดสินถูกผิดคงไม่ใช่ ... มีลูกคงหนักใจน่าดู ไม่ว่าจะหญิง หรือ ชาย คงต้องปรับตัวรับสภาพสังคมกันพอควร

เมื่อความศิวิไลซ์โจมตีข้าพเจ้า ตอน 2

When someone is not there, he's just not there.

ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นเช่นไรก็ตาม คนที่ไม่อยู่ก็คือคนที่ไม่อยู่
น้องชายผมโตขึ้นมา โดยพ่อไม่อยู่ สิ่งที่อยู่แทนตอนนั้นก็มีไฟฟ้า มีทีวี มีเครื่องเล่นวีดีโอ มีตู้เย็น
เรียกได้ว่าล้ำหน้าบ้านแถวนั้นไปมาก

ผมยังจำได้ว่าในหน้าหนาวผมจะเขินมากเวลาที่ใส่เสื้อกันหนาวขนสัตว์ไปโรงเรียน มันเด่นเกินไป ...

โรงเรียนที่ผมอยู่ตอนเด็กๆชื่อโรงเรียนวัดหนองมะกอก อัตราส่วนครูต่อนักเรียนสูงมากถึง 1:10 ทั้งที่มีครูแค่ 10 คน
ครับ ... โรงเรียนวัดหนองมะกอกตอนนั้นมีนักเรียนตั้งแต่อนุบาลยันประถม 6 เพียง 100 คน เท่านั้น
ลองนึกภาพ เด็กๆเข้าแถวตอนเช้า หลายคนไม่ใส่รองเท้า เสื้อผ้าเก่าๆกัน มีไอ้บ้าคนนึงใส่เสื้อกันหนาวขนสัตว์ (โอเคมารู้ทีหลังว่าเป็นเสื้อขนเทียมๆ ราคาถูกๆอะนะ)
แถมใส่รองเท้าผ้าใบ ถุงน่องตึงเปรี๊ยะ ... มันไม่เจ๋งนะ มันอายๆ ... หะๆๆ แต่ผมก็ภูมิใจที่ได้ใส่เสื้อผ้าที่พ่อแม่หามาให้

เรื่องตอนเรียน เอาไว้เล่าวันหลัง มันยาว

จริงๆบ้านปู่ตอนไม่มีไฟฟ้า ก็มีทีวีดูนะ เป็นยี่ห้อธานินทร์มั้ง ขาวดำ เวลาดูต้องใช้เครื่องรถไถเดินตามเพื่อปั่นไฟ หรือไม่ก็ใช้แบตเตอรี่รถยนต์ เสียบแทนปลั๊กไฟ

ถ้าใครเคยดูเรื่อง Always: Sunset on Third Street จะมีบรรยากาศตอนนึงที่ผมดูแล้วน้ำตาไหล (จริงๆไหลทั้งเรื่อง) คือฉากที่คนทั้งหมู่บ้านมารุมดูทีวีขาวดำเครื่องเล็กๆ แล้วให้ความรู้สึกว่าดูจอใหญ่ๆ (ใครไม่เคยดูไปหามาดูซะ ดูแล้วจะอยากมีครอบครัว)
ทีวีสีเครื่องใหม่ที่บ้านใหม่ ผมนั่งดู นั่งเล่น กับมัน กับเครื่องเล่นวีดีโอด้วย ตอนนั้นดูได้แค่ช่อง 5 กับ ช่อง 7 ในใจผมนั้น โลกใบเล็กๆตอนนั้นมีแค่ทีวี 2 ช่องนี่แหละ จนมาวันหนึ่งมีเรื่องประหลาดมหัศจรรย์เกิดขึ้นกับชีวิตผม ผมค้นพบช่อง 3 ....
มันเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ของโลกในตอนนั้น ผมไม่รู้ว่ามีลงหนังสือพิมพ์หรือปล่าว เหมือนการการค้นยิ่งใหญ่อื่นๆ ผมพบมันโดยบังเอิญขณะกำลังปรับทีวีที่ ไม่แจ่ม (ภาษาอุทัยวันละคำ 2 คำ ไม่แจ่ม = ไม่ชัด) อยู่ๆก็มีรายการทีวีที่ผมไม่รู้จักโผล่มาให้ดู ผมดีใจสุดแสน แต่ไม่รู้จะไปบอกใคร ในใจก็คิดว่าผมต้องทำได้อีก แล้วผมก็เริ่มปรับทีวีอีก ในที่สุด ผมก็ค้นพบช่อง 9!!!! ช่อง 3 ว่าสุดยอดแล้ว แต่ช่อง 9 นี่มัน โห มีการ์ตูนดูเพียบเลย ผมรู้สึกเหมือนผมสร้างทีวี 2 ช่องนั้นขึ้นมาเอง ส่วนช่อง 5 กับ 7นี่ ปู่คงทำขึ้นมา (ฮา)

มารู้ตอนหลังว่าจริงๆก็แค่ทีวีมาเปิดสถานีใหม่ใกล้ๆบ้าน ทำให้รับได้หลายช่องขึ้น ผมก็เซ็งไปเลย พอเจอช่อง 11 ก็เลยเฉยๆ

.... to be continued ...

Back to the future.

As I said...

Now we're in the future.

We look back to That Very Day and laugh!

I love you, and thank you for everything you've done.

Thank god.

From now on ... let us remember This Very Day instead and kiss the past goodbye.

Save Me - Queen

Words and music by brian may

It started off so well
They said we made a perfect pair
I clothed myself in your glory and your love
How I loved you
How I cried...
The years of care and loyalty
We're nothing but a shame it seems
The years believe we lived a lie
I love you till I die
Save me save me save me
I cant face this life alone
Save me save me save me...
I'm naked and I'm far from home

The slate will soon be clean
Ill erase the memories
To start again with somebody new
Was it all wasted
All that love? ...
I hang my head and I advertise
A soul for sale or rent
I have no heart Im cold inside
I have no real intent
Save me save me save me
I cant face this life alone
Save me save me save me...
I'm naked and I'm far from home

Each night I cry I still believe the lie
I love you till I die
Save me save me save me
Don't let me face my life alone
Save me save me ooh...
I'm naked and I'm far from home

Other side of the wall.

There was a monster inside me.
There was a monster outside me.

There was a wall between the two.

They were sitting, waiting for the time to meet each other.
They were longed for their lovers.

Eager for the meeting, the one inside tried to break the wall.
So thick the wall, the one inside died trying.

The one outside is still crying.


hey i'm joy, in the name of yours.
:D

(i forgot my password so
i would say who am i every time i steal ur password naja)


i like your stories
a lot

and i miss you
a lot
...

have another nice working day
..from now on we'll be ok.

Here Today

Fugu

Deeper everyday,
O I'm in love I'm in love
And I've longed for today
I've been around I've been down
And I found on my way
Reborn everyday
And there's nothing to say.

O I'm in love I'm in love
How I longed for today
I've been told I've cold
But I've come here to stay
Different everyday
From now on I'll be okay

I know I know you think it's going way too fast
You know I've found what I was looking for at last
I can feel it this time
And it's something that I can't fake

CHORUS :
I'm in love I'm in love I'm in love
Here today
I'm in love I'm in love I'm in love
All the way

VERSE :
O by your side I've got nothing to hide
Or to blame
I don't care what I'm leaving behind
I'll remain
Deeper everyday
From now on I'll be okay

I know I know you think it's going way too fast
You know I've found what I was looking for at last
I can feel it this time
And it's something that I can't fake

BRIDGE :
(This is a place
I can embrace
This is the right place) X2

CHORUS :
I'm in love I'm in love I'm in love
Here today
I'm in love I'm in love I'm in love
All the way
Reborn everyday
From now on I'll be okay
I know I know you think it's going way too fast
You know I've found what I was looking for at last
I can feel it this time
'Cause it's something that I can't fake.

เมื่อความศิวิไลซ์โจมตีข้าพเจ้า ตอน 1

ตอนแรกกะจะเขียนภาษาอังกฤษ แต่ช่างมันละกัน เขียนไทยมันกว่า เราคนไทย ใช้ภาษาไทยเด้อ

ตอนนี้ผมอายุ ... (เติมเอาเอง) ปีแล้ว เข้ามาอยู่กรุงเทพนานมากแล้ว จนชาชินกับชีวิตในเมือง
ชีวิตตลกๆ ที่ผมก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น

คนเมืองจะลำบากถ้า



  • ไม่มีตัง

  • ไม่มีรถ

  • ไม่มีมือถือ

  • ไม่มีไฟฟ้า

  • ไม่มีร้านขายข้าว

  • etc.



ที่น่าขำคือผมเคยอยู่มาโดยไม่มีสิ่งเหล่านั้น และชีวิตผมโคตรจะมีความสุขกว่านี้
อ๊ํะ - ตอนนี้ตังกะรถผมยังบ่มีแฮะ
แต่ตอนนี้ผมก็เหมือนคนเมืองทั่วไป กระเสือกกระสนมีชีวิตอยู่ ตามหาสิ่งต่างๆเหล่านั้นไป

ตั้งแต่เล็กผมอยู่กับแม่ที่บ้านปู่ เพราะพ่อผมต้องไปทำงานเมืองนอก เพื่อหาตังส่งเสียผมให้เข้ามาเรียนเพื่อโตขึ้นจะได้เป็นเจ้าคนนายคนแบบคนเมือง
ด้วยความรับผิดชอบต่อครอบครัวของพ่อ ที่เคยสัญญากับแม่ไว้ก่อนจะตัดสินใจมาเป็นสามีภรรยากันว่าจะไม่ให้แม่ต้องลำบาก ไม่ให้แม่ต้องทำงาน ทำให้พ่อต้องไปอยู่ห่างแม่ไกลแสนไกลถึงซาอุ ไปทำงานเป็นช่างอลูมิเนียม ส่งเงินมาให้ที่บ้านปีละ 2-3 แสน (สมัยนั้นก็มากอยู่ สำหรับคนจบป.4อย่างพ่อ) พ่อคิดถึงแม่ คิดถึงผม ก็ส่งจดหมาย พร้อมอัดเสียงส่งมาให้ผมกับแม่ ของแม่พ่อก็จะร้องเพลงลูกทุ่งหวานๆส่งมาให้ ส่วนของผมพ่อจะส่งนิทานก่อนนอนมาให้ ผมไม่รู้ว่าพ่อทำได้อย่างไร แต่พ่อมีนิทานเล่าให้ผมฟังไม่รู้จบ ... พ่อครับ ผมรักพ่อ ...

ผมอยู่กับแม่จนจำหน้าพ่อแทบไม่ได้ พ่อกลับมาปีละครั้ง ผมเฝ้ารอ ของเล่นจากพ่อ เฝ้ารอนิทานก่อนนอนจากพ่อทุกปี
แม่ผมเป็นผู้หญิงบ้านนอก(คำนี้เป็นคำที่มีเกียรติสำหรับผมนะ) เป็นคนอดทน ไม่มีปากเสียง ไม่ดุ เป็นคนเงียบๆ บางทีก็ดูเศร้าๆ แม่ดูแลผมขณะพ่อไม่อยู่อย่างเข้มแข็ง แม่ไม่ร้องไห้บ่อยนัก แต่ผมก็เห็นบ้างบางครั้ง ผมในตอนนั้นก็มีความรู้สึกแบบเด็กๆว่าจะต้องดูแลแม่ไม่ให้ใครมาทำอะไร มีอยู่ปีนึงหมูบ้านจัดงานอะไรซักอย่าง แม่ออกไปรำวง มีผู้ชาย (ญาติๆกันแหละ) มารำคู่ การรำวงคู่กันก็คล้ายๆเต้นรำแหละ ไม่จำเป็นต้องมีเรื่องชู้สาวมาเกี่ยว แต่จำได้ว่าตอนนั้นผมโกรธๆในใจแบบแปลกๆ เหมือนจะหึงแม่ไว้ให้พ่อมั้ง หะๆๆ ตลกดี ... แม่ครับ ผมรักแม่ ...

ที่ต้องอยู่บ้านปู่เพราะตอนนั้นผมยังไม่มีบ้าน ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่พ่อต้องไปหาตัง แล้วปีหนึ่ง พ่อก็กลับมาปลูกบ้าน จำได้ว่าใช้เงินไป 2 แสน (ตอนนี้พ่อยังคุยอยู่เลยว่า ไม้ที่ทำบ้านผม แยกออกมาทำบ้านได้อีกหลัง) แล้วพ่อก็กลับมาอยู่กับเราแม่ลูก กลายเป็นครอบครัวขึ้นมา

ตอนสร้างบ้านนั้น ขณะยังไม่เสร็จ ผม พ่อ แม่ นอนกันในเล้าไก่ แยกโซน ไก่ด้าน คนด้าน ไฟฟ้าตอนนั้นไม่มี ตกกลางคืนเราจะจุดตะเกียงน้ำมันก๊าด ซึ่งเด็กๆจะชอบเล่นมาก มันดูสวย และที่สำคัญ มันมีไฟ ตะเกียงน้าัมันก๊าดนั้นทำได้จากหลายอย่าง เช่นกระป๋องแป้งใช้แล้ว ทำฝาปิดที่มีรูตรงกลางเอาไว้ใส่ไส้ ไส้ตะเกียงทำจากผ้าอะไรก็ได้ แต่ที่นิยมกันก็คือผ้าห่มเก่าๆ (เรียกกันว่าผ้าผวย) สมัยนั้นผมก็อ่านหนังสือจากตะเกียงนี่แหละ (ไม่สว่างขนาดไฟสมัยนี้ แต่สายตาผมก็ยังปกติจนถึงวันนี้) พูดถึงตะเกียง คงนึกถึงอะไรเท่ๆแบบนี้

แต่จริงๆ เป็นแบบนี้ตะหาก


บนหลังคาเล้าไก่มีตำลึงขึ้นอยู่ ผมชอบกินผัดตำลึงที่แม่ทำมากๆ พอๆกับผัดแตงกวา และกากหมู (ที่บ้านเรียกก่างหมู) ซึ่งทำให้ผมต้องใช้วิทยายุทธปีนขึ้นหลังคามุงแฝกขึ้นไปเด็ดตำลึงอยู่เป็นประจำ กับข้าวที่แม่ทำใช้เตาถ่าน หอมอร่อย (ถ่านก็เผากันเอง เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังวันหลัง) น้ำแช่ตู้เย็นผมไม่เคยรู้จัก จำได้ว่ามีญาติรุ่นเดียวกันซึ่งเป็นคนเมือง เคยมาในหมู่บ้านแล้วต้องอ้อนพ่อแม่กลับบ้าน เพราะไม่มีน้ำเย็นกิน ตอนนั้นผมรู้สึกประหลาดใจมากๆ

ความเจริญเริ่มเข้ามา พร้อมกับน้องชายคนกลาง ซึ่งเกิดมาพร้อมบ้านเสร็จ และไฟฟ้าเข้า ...

to be continued ...

baby i'm sorry,




we are still cool. ... ..don't we?

Remember This Very Day

All the pain will be gone and we will be stronger.

Sometime in the future we'll look back and laugh at what happened today.

For now, just a hug will save us.



จริงอยู่ ทุกอย่างสองเรานั้นรู้ไม่จำเป็นต้องบอก
ฉันเชื่อ คุณค่าจิตใจนั้นเหนือกว่าสิ่งไหน
รู้ดี และไม่ต้องการพิธีอะไรที่มากมาย
เพราะเข้าใจ มั่นใจในเธอทุกครั้งตลอดมา
แต่ว่าวันนี้ สิ่งที่ฉันเป็นมันต่างจากวันนั้น
ทั้งที่จิตใจฉันเองอยากจะเข้มแข็ง
แต่ว่าเรี่ยวแรง บอกว่าฉันคงทนเข้าใจเธอไม่ได้
รู้สึกอ่อนล้า จนใจฉันกลัวจะทนไม่ไหว

โปรดเถอะนะ แสดงว่าเธอรักสักครั้งหนึ่ง
ให้ฉันได้ซึ้งถึงความรักบ้าง
กอดจูบฉันเบาๆ เหมือนที่เธอเคยเมื่อก่อน
โปรดช่วยย้อนให้ความจำ และช่วยย้ำให้ฉันมั่นใจอีกที